' - TopicsExpress



          

' รัฐบาลไม่ควรดันทุรังสุมไฟวิกฤติ..' ..อุณหภูมิการเมืองหลังเปิดสภาสมัยสามัญต้นเดือนเป็นต้นไป ส่อเค้าร้อนแรงจนอาจนำไปสู่วิกฤติความรุนแรงทางการเมืองรอบใหม่หลังจากที่คณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล มีมติรวบรัดผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับที่เสนอโดยนายวรชัย เหมะ สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ..ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนายวรชัยมีสาระสำคัญที่มาตรา 3 และ มาตรา 4 โดยมาตรา 3 ระบุให้บรรดาการกระทำใดๆของบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมืองหรือการแสดงออกทางการเมืองหรือบุคคลซึ่งไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุม แต่กระทำการนั้นมีมูลเหตุเกี่ยวข้อง หรือเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมืองโดยการกล่าวด้วยวาจาหรือโฆษณาด้วยวิธีการใด เพื่อเรียกร้องหรือให้มีการต่อต้านรัฐ การป้องกันตน การต่อสู้ขัดขืน การดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐ หรือการชุมนุม การประท้วงหรือการแสดงออกด้วยวิธีการใดๆ อันอาจเป็นการกระทบต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดของบุคคลอื่น ซึ่งเป็นเหตุการณ์สืบเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง หรือการแสดงออกทางการเมืองตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 ถึงวันที่ 10 พฤษภาคม 2554 ไม่เป็นความผิดต่อไป และให้ผู้กระทำการนั้นพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง การกระทำในวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงการกระทำใดๆของบรรดาผู้ซึ่งมีอำนาจในการตัดสินใจหรือสั่งการให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองในห้วงระยะเวลาดังกล่าว มาตรา 4 กำหนดว่า เมื่อพระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับแล้ว ถ้าผู้กระทำการตามมาตรา 3 วรรคหนึ่งยังมิได้ถูกฟ้องต่อศาลหรืออยู่ระหว่างการสอบสวนให้พนักงานสอบสวนผู้ซึ่งมีอำนาจสอบสวนหรือพนักงานอัยการระงับการสอบสวนหรือการฟ้องร้อง หากถูกฟ้องต่อศาลแล้วให้พนักงานอัยการหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องระงับการฟ้องหรือให้ถอนฟ้อง ถ้าผู้นั้นอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีไม่ว่าจำเลยร้องขอหรือศาลเห็นเอง ให้ศาลพิพากษายกฟ้องหรือมีคำสั่งจำหน่ายคดี ในกรณีที่ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษบุคคลใดก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลบังคับใช้ให้ถือว่าบุคคลนั้นไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิด ถ้าผู้นั้นอยู่ระหว่างการรับโทษให้การลงโทษนั้นสิ้นสุดลงและปล่อยตัวผู้นั้น ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนายวรชัยแม้จะอ้างว่ามีจุดมุ่งเหมายเพื่อนิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ แต่กลับมีเนื้อหาคลุมเครือครอบจักรวาลซ่อนเงื่อนจนอาจตีความได้ว่ามีเป้าหมายแอบแฝงเพื่อลบล้างโทษความผิดให้ทั้งกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมทั้งบรรดาแกนนำคนเสื้อแดงที่เป็นผู้ต้องหาก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปี 2553 ตลอดจนผู้ต้องหาในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อีกทั้งการนำร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เข้าพิจารณาในสภา อาจเป็นการช่องทางให้มีการฉวยโอกาสนำร่าง พ.ร.บ.ฉบับอื่นๆ ที่มีเนื้อหามุ่งลบล้างโทษความผิดให้กับพ.ต.ท.ทักษิณเข้ามาผสมโรงพิจารณาผนวกเป็นร่างเดียวกัน การที่อ้างว่าผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเพื่อสร้างความปรองดองนั้นถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการแอบอ้างของพรรคเพื่อไทยเพียงฝ่ายเดียวด้วยการอาศัยข้ออ้างการนิรโทษกรรมแก่คนทุกสีทุกกลุ่มมาเป็นเครื่องมือบังหน้าอำพรางเป้าหมายที่แท้จริงเพื่อ ตัวเอง เพราะชัดเจนว่ากลุ่มพลังประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และฝ่ายค้าน คือพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งแม้จะได้ประโยชน์จากร่างกฎหมาย แต่กลับต่อต้านร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เนื่องจากเห็นว่ามีวาระซ่อนเร้น โดยทั้งแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ต่างประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่าต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองตามกระบวนการยุติธรรมเพื่อรักษานิติรัฐและบรรทัดฐานไม่ให้มีการอาศัยกฎหมายฟอกโทษความผิดแก่ผู้ที่ทุจริต หรือทำลายชาติบ้านเมือง ...ดังนั้น พ.ร.บ.นิรโทษกรรมไม่ว่าจะเป็นฉบับใดจึงส่อเป้าหมายชัดเจนว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์ของระบอบทักษิณเท่านั้น ซึ่งนอกจากจะไม่สามารถนำไปสู่การสร้างความปรองดองอย่างที่อ้างแล้ว ยังจะเป็นชนวนระเบิดเวลาลูกใหญ่ที่จะทำให้ความแตกแยกในชาติกลับมาลุกโชนรุนแรงอีกครั้งจนเสี่ยงที่จะนำไปสู่กลียุคเช่นในอดีต ...ทั้งนี้ชาติบ้านเมืองมีปัญหามากมายรอรัฐบาลพรรคเพื่อไทยแก้ไข ดังนั้นรัฐบาลจึงไม่ควรดันทุรังอาศัยพวกมากลากไปจุดชนวนสุมไฟวิกฤติซึ่งเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ของประเทศที่กำลังเสื่อมถอยอยู่แล้วในขณะนี้ให้เลวร้ายลงไปอีก.. /..ที่มาบทความ naewna/politic/columnist/7857
Posted on: Mon, 29 Jul 2013 10:09:48 +0000

Trending Topics



Recently Viewed Topics




© 2015