Arbitrage [B+] นี่มันดีกว่าที่คิดไว้จริงๆ จากหน้าหนังที่ดูแล้วคิดว่าคงเป็นหนังทริลเลอร์สืบสวนสอบสวนที่น่าจะลงเอยตามสูตรทั่วไป แต่เอาเข้าจริงๆ ถึงจะมีวิธีการเล่าเรื่องตามสูตร แต่ตอนจบนับว่าผู้กำกับและเขียนบท Nicholas Jarecki กล้าหาญดีทีเดียวในการเลือกให้มันเป็นแบบนี้ เพราะนอกจากจะไม่ซ้ำซากจำเจ ตามแบบฉบับหนังฮอลลีวู๊ดทั่วไปแล้ว หนังยังลงโทษตัวละครได้อย่างเจ็บแสบกว่าการจบตามสูตรเป็นไหนๆ หนังโฟกัสไปที่ชีวิตของ Robert Miller (Richard Gere) นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ที่ภายนอกดูเป็นบุคคลทรงอิทธิพลที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ทั้งยังมีครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อม ทั้งกับ Ellen (Susan Sarandon) ภรรยาที่อยู่กันมานาน ไปจนถึง Brooke (Brit Marling) ลูกสาวที่ทั้งสวยและเก่งคอยช่วยงานในบริษัท หากแต่ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วเขากำลังมีปัญหาอยู่เบื้องหลังหลายอย่าง ทั้งการฉ้อโกง สถานะใกล้ล้มละลายเนื่องจากหนี้สินในการลงทุนที่ผิดพลาด และที่เลวร้ายที่สุดคือเมื่อเขาเป็นเหตุให้ Julie (Laetitia Casta) ชู้รักสาวของเขาเสียชีวิตในอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะที่ทั้งคู่กำลังจะไปพักผ่อนด้วยกัน นั่นทำให้เขาต้องพยายามเอาตัวรอดจากการถูกตั้งข้อหาเพราะไม่เช่นนั้นแล้ว เรื่องจะส่งผลกระทบมาถึงครอบครัวเขาทั้งหมดด้วย ซึ่งพยานคนสำคัญที่เขาต้องคอยช่วยเหลือจากการเป็นผู้ต้องสงสัยจากนักสืบ Michael Bryer (Tim Roth) ด้วยก็คือ Jimmy Grant (Nate Parker) โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วคนที่เขาควรระวังที่สุดยังมีคนใกลัตัวกว่านั้นอีก น่าเห็นใจ Richard Gere จริงๆ ที่แม้การแสดงของเขาในเรื่องนี้ต้องยอมรับว่าทำหน้าที่ได้ดีที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตการแสดงของเขาแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถส่งให้เขาไปถึงเวทีออสการ์ได้เสียที (บางทีเขาอาจจะต้องยอมไปหาบทสมทบเด็ดๆ แทนที่จะพยายามเข้าแข่งในสาขานำแบบนี้ เพราะอย่างที่รู้กันอยู่ว่าสาขานำชายนั้นมีการแข่งขันสูงมากที่สุดในทุกๆปี) และแม้ว่าครั้งนี้การแสดงที่ดีของเขาจะอยู่ในหนังระดับคุณภาพด้วย ก็ไม่อาจช่วยอะไร เพราะดันเป็นปีที่นำชายโคตรจะแข็งมากๆ ปีหนึ่ง (ดูผู้ชนะระดับ Daniel Day-Lewis กับผู้เข้าชิงอย่าง Bradley Cooper, Hugh Jackman, Joaquin Phoenix, Denzel Washington และยังไม่นับตัวเต็งที่หลุดโผไปอย่าง John Hawkes นั่นอีกเป็นอาทิ) ขณะที่นักแสดงสมทบคนอื่นๆก็ทำหน้าที่ได้ตามสมควร ทั้ง Susan Sarandon (แสดงดี แต่บทน้อยไปหน่อย), Brit Marling และ Tim Roth แต่สิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือการดำเนินเรื่องที่น่าติดตาม และรายละเอียดซับซ้อนต่างๆ ในส่วนธุรกิจ ที่ถูกใส่เข้ามาในระดับที่แน่นเอี๊ยด ควบคู่ไปกับการสืบสวนคดีตลอดเรื่อง ที่แม้จะอาจทำให้ต้องใช้สมาธิในการดูมากสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้หนังดูน่าเบื่อแต่อย่างใด และอย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้นแล้วว่า การเลือกตอนจบแบบที่เป็นอยู่ ช่วยทำให้หนังดูจริง และน่าจดจำขึ้นเยอะเลย
Posted on: Sun, 30 Jun 2013 15:19:26 +0000
Trending Topics
Recently Viewed Topics
© 2015