รัฐบาล “ทักษิณคิด - TopicsExpress



          

รัฐบาล “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” พยายามกล่าวอ้างความชอบธรรมในการใช้อำนาจรัฐของตนอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการพยายามผลักดันการแก้รัฐธรรมนูญ การผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมแก่พวกพ้อง ผลักดันกฎหมายกู้เงินพิเศษ ไม่ว่าจะ 2 ล้านล้านบาท หรือ 3.5 แสนล้านบาท หรือแม้แต่การจัดการกับประชาชนที่มีความคิดเห็นแตกต่างจากรัฐบาล ก็จะถูกฝ่ายรัฐบาลใช้อำนาจรัฐเล่นงานโดยอ้างเสียงข้างมาก อ้างระบอบประชาธิปไตย หนักข้อขึ้นทุกวัน 1.ประชาธิปไตยแบบ “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้อภิปรายตีแผ่ให้เห็นพฤติกรรมบิดเบือนกฎหมาย การทำลายหลักนิติรัฐ พยายามล้มล้างรัฐธรรมนูญ ตลอดจนวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองยุค “ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ” โดยกล่าวในงานเสวนาวิชาการรำลึกศาสตราจารย์ไพโรจน์ ชัยนาม ครั้งที่ 3 เรื่อง “บทบาทศาลรัฐธรรมนูญในการปกป้องรัฐธรรมนูญ : ศึกษาบทเรียนจากกฎหมายต่างประเทศ” ณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2556 ชำแหละให้เห็นพฤติกรรม “ประชาธิปไตยแต่ปาก” ของการเมืองในยุคปัจจุบันได้อย่างเห็นภาพชัดเจน ศ.ดร.สุรพล ตั้งคำถามท้าทายว่า หากเราเชื่อในหลักการพื้นฐานของประชาธิปไตย ประชาชนเป็นเจ้าของอธิปไตย ประชาชนเลือกผู้แทนไปสภา สภาตั้งรัฐบาล รัฐบาลบริหารประเทศตอบสนองประโยชน์ของประชาชน รับผิดชอบประชาชนโดยตรง ไม่มีใครมีอำนาจมาก้าวก่าย มาแทรกแซงรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นทหาร สถาบันเหนือทหาร บุคคลอื่นใด รัฐบาลคือตัวแทนประชาชนอย่างแท้จริง หลักการพื้นฐานประชาธิปไตยสมัยใหม่ พูดถึงความโปร่งใส พูดเรื่องความรับผิดชอบ การตรวจสอบได้ของผู้มีอำนาจ คนที่จะมีอำนาจรัฐต้องดำเนินการเพื่อประโยชน์ของประชาชน หากมีการผิดพลาด ทุจริต ประพฤติมิชอบ ต้องถูกตรวจสอบโดยประชาชน เอาออกจากตำแหน่งโดยสมาชิกรัฐสภา หากเราเชื่อภายใต้หลักการนี้ รัฐไทยต้องปกครองโดยกฎหมาย กฎหมายต้องเป็นไปตามครรลองครองธรรม กฎหมายจะต้องไม่เลือกปฏิบัติ ใช้บังคับกับทุกคนอย่างเสมอกัน ถ้าเราเชื่อตามหลักการพื้นฐานว่าเราเป็นนิติรัฐผู้ปกครองต้องยึดถือเคร่งครัดหลักการปกครองโดยกฎหมาย รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบโดยตรงกับประชาชน ไม่มีใครก้าวก่ายแทรกแซงได้ ศ.ดร.สุรพลชวนคิด หากเชื่อเช่นนั้นจริง เราจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในหลายกรณีอย่างไร เช่น (1) สถานการณ์คุกคามกดดันศาล อำนาจรัฐสองมาตรฐาน “หลายเดือนมานี้ มีผู้คนจำนวนมากไปชุมชนที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้แสดงความไม่เห็นด้วย แต่ไปบีบบังคับให้ศาลเลิกพิจารณาคดี ประกาศรายชื่อ ประกาศเบอร์โทรศัพท์ เลขที่บ้าน แล้วเดินขบวนไปกดดันตามที่ต่างๆ บอกให้สำนักงบประมาณ เลิกจ่ายเงินเดือนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อย่างนี้มีผลต่อการปฏิบัติหน้าที่โดยตรงขององค์กรตุลาการ รัฐบาลและผู้รักษาการตามกฎหมายบอกเป็นสิทธิเสรีภาพ สามารถทำได้ แต่เมื่อปีที่แล้ว มีผู้คนจำนวนหนึ่งเรียกร้องชุมนุมที่ลานพระบรมรูปฯ (กลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม) เพื่อต่อต้านรัฐบาล รัฐบา]ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน มีการใช้แก๊สน้ำตา ใช้อาวุธ ผู้ชุมนุมถูกดำเนินคดีอาญาจนกระทั่งปัจจุบัน เราอาจไม่ได้มีมาตรฐานเดียวกับการใช้บังคับกฎหมายในประเทศนี้” (2) ระบอบสมบูรณาญาสิทธิ์โดยทักษิณ “เป็นที่รู้กันเปิดเผยกว้างขวางทั้งประเทศไทย ในรัฐบาลชุดนี้ ว่าการแต่งตั้งโยกย้าย การกำหนดผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี การดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในภาครัฐทั้งหลาย คุณทักษิณเป็นผู้สั่งการ กำหนดตัวบุคคล เป็นคนแต่งตั้ง ปลด เปลี่ยนแปลงรัฐมนตรี อาจรวมถึงนายกรัฐมนตรีด้วย และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่อธิบดี ผู้ว่าราชการ ตำรวจ ผู้กำกับ... ไม่มีใครในประเทศไทยที่ไม่เชื่อเช่นนั้น มีแต่คนหูหนวกตาบอดเท่านั้นที่ไม่รู้ เพราะไม่เห็นและไม่ได้ยินว่าในประเทศนี้ไม่มีใครเป็นอะไรได้ ถ้าคุณทักษิณไม่เห็นชอบก่อน คุณทักษิณแต่งตั้งผู้คนเข้ามาดำรงตำแหน่ง ให้ความเห็นชอบในการเข้าสู่อำนาจรัฐ โดยที่คุณทักษิณไม่ต้องรับผิดชอบทางการเมืองใดๆ ไม่ต้องรับสมัครเลือกตั้ง ไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินไม่ต้องชี้แจงญัตติไม่ไว้วางใจต่อรัฐสภา ไม่ต้องรับผิดชอบต่อศาลปกครอง ไม่ต้องรับผิดชอบในทางอาญาใดๆ ไม่อยู่ในวิสัยที่ต้องถูกถอดถอนใดๆ ทั้งสิ้น ทำอะไรได้ทุกอย่าง จนกระทั่งถึงขนาดให้สส.ลาออกเพื่อลงรับสมัครเป็น สส.ใหม่ ก็ทำได้มาแล้ว อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่ต้องรับผิดชอบ อย่างนี้ เรากำลังอธิบายว่า ประเทศไทยเป็นนิติรัฐ มีการปกครองโดยกฎหมาย เรากำลังบอกประเทศมีการปกครองโดยกฎหมาย คนมีอำนาจต้องรับผิดชอบ ผมเรียนว่า ทฤษฎีการเมืองการปกครองที่ ศ.ไพโรจน์ ชัยนาม สอนผม คนที่จะมีอำนาจแบบนี้ มีได้แต่เฉพาะพระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เท่านั้น” (3) ปกครองโดยบิดเบือนกฎหมาย “เราเชื่อว่า เราจะไปสู่นิติรัฐได้ หากมีการแก้รัฐธรรมนูญ เราจะปกครองโดยกฎหมายหากมีการยกร่างรัฐธรรมนูญ เรากำลังหลอกตัวเอง ผู้คน หลอกนักกฎหมาย อาจารย์นิติศาสตร์หลายท่านพยายามพูดเรื่องหลักนิติรัฐ นิติธรรม หลักการปกครองที่ประชาชนเป็นใหญ่ แต่ไม่พูดเรื่องพวกนี้เลย ไม่เคยตั้งคำถามว่า การรับจำนำข้าวทุกเมล็ดของรัฐบาลเป็นการทำลายตลาดข้าวของประเทศ เป็นการเข้าไปค้าขายโดยตรง ขัดรัฐธรรมนูญที่ว่าด้วยหลักเสรีนิยมทางเศรษฐกิจ ทำลายอาชีพของผู้คน ไม่เคยตั้งคำถามรัฐบาลเอาเงิน 7,000 ล้าน ไปตั้งร้านถูกใจ สนับสนุนประชาชน หายไปหมดแล้ว นี่คือการแทรกแซงตลาดเสรี ผมไม่เห็นนักกฎหมายมหาชนออกมาพูดเลยว่าทำไม่ได้ หรือแม้แต่ดีเอสไอตั้งข้อหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ บอกว่า ในฐานะนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพบังอาจไปสั่งให้ทหารออกมาฆ่าประชาชน 91 ศพ ในฐานะนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ไม่ใช่ฐานะนายกฯ ฉะนั้น ดีเอสไอจึงมีอำนาจสอบสวน และตั้งข้อกล่าวหาในฐานะคนธรรมดา แทนที่จะส่งให้ ป.ป.ช.เหมือนกรณีอดีตนายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ คดีล้อมรัฐสภา ป.ป.ช.ไต่สวนและระบุว่า นายกฯ สมชาย ไม่ได้ทำอะไรผิดการใช้อำนาจนายกฯ สั่งทหาร ตำรวจทำหน้าที่ เป็นการใช้อำนาจเจ้าหน้าที่ของรัฐ ดังนั้น อยู่ในอำนาจสอบสวนของ ป.ป.ช.เท่านั้น มีคดีที่เป็นบรรทัดฐานแล้ว แต่นักกฎหมายอาญาก็ไม่สนใจ ปล่อยให้ธาริต เพ็งดิษฐ์ ทำงานไปเรื่อย โดยไม่สนใจกฎหมายเขียนว่าอย่างไร ทั้งๆ นักกฎหมายทุกคนรู้ ดีเอสไอไม่มีอำนาจสอบสวน ส่งศาลเมื่อไหร่ก็ยกเมื่อนั้น เราปล่อยให้เขาดำเนินงานมาตลอด ผมไม่ได้พูดว่าใครผิดใครถูก แต่กำลังพูดว่า เราปล่อยให้มีการบิดเบือนทางกฎหมายเกิดขึ้นในสังคมไทย และเราก็เฉยๆ กับมัน... ในสถานการณ์ที่นักการเมืองของเรา รัฐบาลของเรา เป็นคนรับใช้ เป็นคนทำตามทักษิณบอก ระบบการตรวจสอบถูกทำลายไปหมดแล้ว สถาบันการเมือง ราชการประจำ ระบบการสอบสวน อำนาจตำรวจ อำนาจฝ่ายการเมืองอยู่ในกำมือทักษิณหมดแล้ว ผมเห็นแต่รัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ และศาล ที่ยังพอคานอำนาจทักษิณได้บ้าง” 2.ปิดสภาขืนใจประเทศชาติ จากข้อคิดของ ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ข้างต้น เมื่อนำมาพิจารณาพฤติกรรมทางการเมืองของรัฐบาลในปัจจุบันแล้ว ก็ยิ่งมองเห็นว่า รัฐบาล “ทักษิณ เพื่อไทยทำ” นั้น มีพฤติกรรมบิดเบี้ยวจากรัฐบาลประชาธิปไตยอย่างไร เช่น (1) พยายามล้มล้างแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เดิมจะล้มทั้งฉบับ เมื่อติดขัดก็เลี่ยงมาใช้วิธีแก้รายมาตราแบบมีเล่ห์เหลี่ยม ยิ่งกว่านั้น พรรคพวกรัฐบาลยังมีพฤติกรรมหลบเลี่ยง ละเว้น ไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหลายเรื่อง กระทั่งว่าประกาศไม่รับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญที่ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (2) นายกฯ ยิ่งลักษณ์และพวก แสดงพฤติกรรมอันส่อว่าน่าจะตกอยู่ภายใต้อาณัติสั่งการ มอบหมาย ครอบงำ หรือบงการของทักษิณ ชินวัตร นักโทษหลบหนีคำพิพากษาจำคุก และหลบหนีหมายจับคดีทุจริตโกงกินอีกหลายคดี โดยมีการสไกป์เข้ามาสั่งการในที่ประชุมยุทธศาสตร์พรรค การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีและข้าราชการระดับสูงก็มีการเดินทางไปขอตำแหน่งจากทักษิณ การตัดสินใจลงมติในสภา หรือนโยบายสำคัญๆ ก็ต้องทำตามความต้องการของทักษิณ ฯลฯ น่าจะขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 122 “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยโดยไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติ มอบหมาย หรือความครอบงำใดๆ และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชาวไทย โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์” โดยเฉพาะการดำเนินการหลายเรื่อง เข้าข่ายเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ หรือเอื้อประโยชน์แก่ทักษิณ ชินวัตร เช่น กรณีออกพาสปอร์ตให้ทักษิณ กรณีเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมล้างผิดให้แกนนำเสื้อแดง พลพรรคเพื่อไทย และทักษิณ ชินวัตร เป็นต้น ล่าสุด มีการเดินทางไปพบทักษิณ โดยอ้างวันเกิดยกโขยงไปทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องกับการผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม กฎหมายแก้ไขรัฐธรรมนูญ บุคคลในสำคัญในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย เป็นต้น (3) รัฐบาล “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ละเว้น ละเลย ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญหลายเรื่อง อาทิ ไม่แถลงผลการดำเนินการตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐต่อรัฐสภา ทั้งๆ ที่ ถือครองอำนาจรัฐมาเป็นระยะเวลาเกือบจะสองปีแล้ว รัฐบาลประกอบกิจการซื้อขายข้าว ทำลายระบบเศรษฐกิจเสรีและเป็นธรรม สร้างผลขาดทุนมากกว่าแสนล้านบาท โดยอ้างว่า “รับจำนำข้าว” แต่ในพฤติการณ์จริง กลับเป็นการประกอบกิจการซื้อขายข้าว รัฐเป็นเจ้าของข้าว มีส่วนได้-เสียในส่วนต่างของราคา และราคาที่สูงขึ้นหรือต่ำลง การออกพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงคลังกู้เงินเพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ.2555 วงเงิน 3.5 แสนล้านบาท ส่อว่าเป็นการกระทำโดยฉ้อฉล บิดเบือน ปิดบังซ่อนเร้น โกหกต่อสาธารณชนและศาลรัฐธรรมนูญว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน ฉุกเฉิน อันไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้แถมการดำเนินการของ กบอ.และรัฐบาลยังมีพฤติการณ์รวบรัดตัดตอน ถูก ป.ป.ช.ทักท้วงว่าเป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดจุดเสี่ยงต่อการทุจริตในหลายขั้นตอน ไม่มีราคากลาง ไม่มีการแข่งขันอย่างแท้จริง ดำเนินการในลักษณะจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ ฯลฯ ศาลปกครองกลางพิพากษาชัดเจนว่า ในการดำเนินโครงการน้ำมูลค่า 3.5 แสนล้านบาทนั้น นายกรัฐมนตรีและพวก ละเลยต่อหน้าที่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 57 วรรค 2 และมาตรา 67 วรรค 2 การกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท น่าจะขัดต่อกฎหมายและรัฐธรรมนูญ โดยอาจขัดต่อกฎหมายเกี่ยวกับการเงินการคลังแผ่นดิน 4 ฉบับ ได้แก่ กฎหมายงบประมาณ กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ กฎหมายโอนเงินงบประมาณ และกฎหมายเงินคงคลัง โดยที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 169 บัญญัติห้ามมิให้นำเงินแผ่นดินไปใช้จ่ายโดยวิธีการอย่างอื่น นอกจากที่บัญญัติไว้ตามกฎหมายทั้ง 4 ฉบับข้างต้น ฯลฯ (4) ปิดสภาขืนใจประเทศ ล่าสุด รัฐบาล “ทักษิณ เพื่อไทยทำ” ก็เดินหน้าเร่งรัดผลักดันการออกกฎหมายนิรโทษกรรมล้างผิดให้กับขบวนการเผาบ้านเผาเมือง ก่อการร้าย ดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูงตามคำบงการของทักษิณที่สั่งให้ลุยผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเต็มที่ ตระเตรียมกองกำลังตำรวจไว้เล่นงานประชาชนที่คัดค้าน จัดตั้งกองกำลังขี้ข้ามาชุมนุมรอบรัฐสภา ปิดพื้นที่มิให้ประชาชนที่คัดค้านได้ชุมนุมแสดงออกตามกฎหมาย ไม่ดูดำดูดีความคิดเห็นที่แตกต่างในสังคม ไม่เว้นแม้แต่ความเห็นของญาติคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตเมื่อปี 2553 ก็ถูกเพิกเฉยอย่างไม่ไยดี ตอกย้ำความลุแก่อำนาจ ความเป็นประชาธิปไตยแค่เปลือกนอก เนื้อแท้แล้ว เป็นรัฐบาลในระบอบสมบูรณาญาสิทธิ์ของทักษิณ ชินวัตร ถ้ารัฐบาลนี้ไม่ยอมออกไปโดยดี เห็นทีจะต้องช่วยกันขับไล่! /..ที่มาบทความ naewna/politic/columnist/7858
Posted on: Mon, 29 Jul 2013 10:28:17 +0000

Trending Topics



Recently Viewed Topics




© 2015