ลูกตัวร้อน ทำอย่างไรดี? สาเหตุที่ทำให้ลูกมีไข้ 1.ติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา หรือ ปาราสิต (พยาธิ) 2.ขาดน้ำ เช่น อาเจียนท้องเสีย กินน้ำไม่พอ จนทำให้ขาดน้ำและมีไข้ขึ้นได้ 3.แพ้ยา เกิดหลังจากกินยาแล้วมีผื่นแพ้ และไข้ 4.โรค COLLAGEN DISEASES หรือ ที่เรามักเรียกโรคพุ่มพวง (โรคที่ระบบภูมิต้านทานของร่างกายผิดปรกติ ต่อต้านทำลายเนื้อเยื่อตนเองทำให้เกิดอาการของระบบต่างๆ ที่ถูกภูมิต้านทานทำลาย เช่น อาการไตวาย ข้ออักเสบ ผิวหนังเป็นผื่นแดง ซีดและมีไข้ร่วมด้วยได้) มักจะมีไข้สูงและนานมากกว่า 1 สัปดาห์และมีอาการอื่นที่กล่าวมาแล้ว 5.โรคมะเร็ง มักจะมีไข้สูงและนานมากกว่า 1 สัปดาห์ขึ้นไป และมักมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อาจมีอาการซีด ต่อมน้ำเหลืองโต หรือ จ้ำเลือด เลือดออกง่าย ตับ ม้ามโต ทำอย่างไรดี ถ้าลูกมีไข้ สิ่งแรกที่ควรทำคือ ลดไข้เพื่อบรรเทาอาการ ให้ลูกรู้สึกสบายขึ้น โดยวิธีดังต่อไปนี้ 1. เช็ดตัว เป็นวิธีที่ง่ายปลอดภัย และสามารถลดไข้ได้ดี 2. ทานยาลดไข้ ยาลดไข้ที่ใช้กันมากและค่อนข้างปลอดภัยได้แก่ แอสไพริน (Aspirin) และพาราเซตามอล (Paracetamol) ขนาดที่ใช้ก็เหมือนกัน คือ ทานครั้งละ 10 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หรือทานจำนวนเฉลี่ย 1 เกรน (grain = 60 มิลลิกรัม) ต่ออายุทุก 1 ปี และสามารถให้ทานยาลดไข้ซ้ำได้ทุก 4-6 ชั่วโมงตามอาการ เมื่อไรควรพาลูกไปหาหมอ? เนื่องจากไข้เป็นเพียงอาการแสดงว่ามีความผิดปรกติเกิดขึ้นต่อร่างกายเท่านั้นไม่ใช่โรค การทานยาลดไข้หรือเช็ดตัวเป็นเพียงการบรรเทาอาการให้ลูกเท่านั้น ไม่ได้รักษาโรคอย่างแท้จริง จึงควรคอยดูแลและหมั่นสังเกตอาการอื่นๆ ถ้าลูกมีอาการผิดปรกติเช่น ซึมลง, ไม่ทานอาหาร, น้ำหนักลด หรือไข้ไม่มีทีท่าว่าจะลดเลยหลังจากที่ลองให้ลูกทานยาลดไข้รักษาตามอาการมาแล้ว 2-3 วัน หรือมีอาการ หายใจลำบาก, หอบ หรือแม้กระทั่งอาการอะไรที่เราไม่แน่ใจก็ควรรีบพาลูกไปปรึกษาแพทย์ทันที
Posted on: Tue, 27 Aug 2013 03:01:42 +0000
Trending Topics
Recently Viewed Topics
© 2015