โรคจิต..(ตอนที่1) คำำว่า - TopicsExpress



          

โรคจิต..(ตอนที่1) คำำว่า “โรคจิต” (Psychosis) มักถูกนำมาใช้เรียกคนที่ชอบทำอะไรไม่ค่อยดีนัก เช่น ชอบแอบดูผู้หญิงอาบน้ำ ชอบโทรศัพท์ไปตื๊อขอเป็นแฟนดารา ชอบพ่นสีสเปรย์เป็นตัวหนังสือบนกำแพง ฯลฯ แท้จริงคนเหล่านี้ไม่ได้ป่วยเป็นโรคจิต แต่ก็มีความผิดปกติทางจิตใจแน่นอน ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องความผิด ปกติของบุคลิกภาพ หรือที่แพทย์มักจะใช้คำว่า “บุคลิกภาพแปรปรวน” (Personality disorders) มากกว่า แต่คนทั่วไปยังชอบเหมาว่าใครที่ทำอะไรไม่ชอบมาพากลคือ ผู้ป่วย “โรคจิต” แล้ว “โรคจิต” คืออะไร? โรคจิตคืออะไร? มีอาการอย่างไร? “โรคจิต” คือการเจ็บป่วยทางจิตใจแบบหนึ่ง ความเจ็บป่วยทางจิตใจนั้น มีอยู่หลายรูปแบบ เช่น เกิดจากความผิดปกติของความคิด ความจำ เกิดจากความผิดปกติของอารมณ์ หรือเกิดจากความผิดปกติของพฤติกรรม “โรคจิต” เป็นโรคของ “ความคิดที่ผิดปกติ” ความผิดปกติของความ คิด ทำให้ผู้ป่วยมีความเชื่อ มีพฤติกรรม มีการกระทำ ที่ผิดไปจากคนปกติทั่วๆ ไป และความเชื่อนี้ ไม่สามารถอธิบายได้ตามหลักของความจริง หรือตามหลักของความเชื่อที่มีอยู่ในสังคมนั้นๆได้ แต่ผู้ป่วยก็เชื่ออย่างสนิทใจ กับความเชื่อของเขา กับเรื่องราวที่เกิดกับตัวเขา เราเรียกอาการแบบนี้ หรือ อาการประเภทนี้ ว่า การหลงผิด หรือ “Delusion” หรือ การเชื่ออย่างผิดๆ และเชื่ออย่างฝังแน่น ตัวอย่าง เช่น หญิงสาวรายหนึ่งหลังจากอกหักจากชายคนรัก เธอก็ได้ลาออกจากบริษัทที่ทำงานอยู่เดิม เพราะไม่ต้องการเจอหน้าผู้ชายหลอกลวงอีกต่อไป เธอไปสมัครงานที่บริษัทแห่งใหม่ แล้วเธอก็พบว่าพนักงานบริษัทแห่งใหม่นี้ “เป็นเครือข่ายของผู้ชายคนที่เคยหักอกเธอ” ทั้งสิ้น ทุกคนทำงานตามแผนของผู้ชายคนนั้น เพื่อที่จะ “จัดการเธอ” ให้พ้นๆไป ในที่สุดเธอก็ต้องปฏิเสธงานของบริษัทแห่งใหม่นี้ และเมื่อเธอไปสมัครงานที่บริษัทอีกแห่งหนึ่ง แล้วเธอก็พบกับเหตุการณ์แบบเเดิมอีก ผู้ชายคนนั้นได้ยึดครองบริษัทแห่งนี้ไว้อีกแล้วเช่นกัน เธอรู้สึกได้ทันทีว่าพนักงานทุกคนของบริษัทแห่งนี้ ล้วนรับคำสั่งจากผู้ชายคนนั้นเพื่อจัด การกับเธอ เช่นเดียวกับบริษัทที่ผ่านมา ความเชื่อว่า ผู้ชายคนนั้นกำลังวาง แผนเล่นงานเธอ ทำให้เธอไม่สามารถไปสมัครทำงานที่ไหนได้อีก เพราะเธอรู้สึกว่าชีวิตของเธอไม่มีความปลอดภัย มีเพื่อนพยายามที่จะอธิบายถึง “ความไม่เป็นเหตุเป็นผล” ของเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอ เพราะความเป็นไปได้ในการสั่งการให้คนรอบๆข้างทุกคนเล่นงานเธอโดยผู้ชายคนนั้น มันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมาก หรือเป็นไปไม่ได้เลย แต่หญิงสาวก็ยืนยันว่า ทุกสิ่งที่เกิดกับเธอเป็นเรื่องจริง (ตามความเชื่อของเธอ) เธอ “เชื่ออย่างหลงผิด และ เชื่ออย่างฝังแน่น” หรือ “False Belief and Fix” อีกกลุ่มอาการของ “โรคจิต” คือ อาการ หูแว่ว (Auditory Hallucina tion) และ อาการเห็นภาพหลอน (Visual Hallucination) อาการหูแว่ว เป็นอาการที่เกิดกับผู้ป่วยโรคจิตได้บ่อย ผู้ป่วยจะได้ยินเสียงพูดโดยที่ไม่มีที่มาของเสียงพูด เนื้อหาอาจเป็นเสียงสั่ง เสียงเตือน เสียงตำหนิ นินทา ด่าทอ และบางครั้งผู้ป่วยอาจมีการโต้ตอบกับเสียงเหล่านี้ด้วย เราจึงพบบ่อยที่ผู้ป่วยโรคจิตพูดคุยคนเดียว คล้ายๆกับกำลังโต้ตอบอยู่กับใครบางคน (ที่เรามองไม่เห็น) ซึ่งก็คือ ผู้ป่วยกำลังตอบโต้อยู่กับอาการหูแว่วของเขา อาการเห็นภาพหลอนภาพหลอน ก็คล้ายๆ กับอาการหูแว่ว คือเป็นการมองเห็นภาพขึ้นมาเองของผู้ป่วย โดยที่ไม่มีภาพหรือเหตุการณ์นั้นๆเกิดขึ้นจริง ถ้าท่านได้ดูภาพยนตร์เรื่อง Beautiful Mind ภาพยนตร์ที่สร้างจากประวัติของศาสตรา จารย์จอห์น แนช แห่งมหาวิทยาลัยปริ๊นซ์ตัน เจ้าของรางวัลโนเบล สาขาเศรษฐศาสตร์ ผู้ชายใส่ชุดดำที่คอยติดตามสั่ง หรือพูดกับ จอห์น แนช อยู่ตลอดเวลานั่นแหละคือ ที่เกิดขึ้นกับเขา (ศาสตราจารย์ จอห์น แนช ป่วยเป็นโรคจิตเภท ซึ่งเป็นโรคจิตที่มีอาการรุนแรงและเรื้อรังชนิดหนึ่ง และหนังสือ Beautiful Mind ก็มีฉบับแปลเป็นภาษาไทยขายอยู่ในบ้านเรา) อนึ่ง อาการผิดปกติของวิธีคิด การใช้เหตุผล และกระแสความคิดเหล่านี้ ผู้ที่ไม่มีความชำนาญในเรื่องโรคจิต มักจะมองความผิดปกติในเรื่องนี้ได้ค่อนข้างยาก หลักใหญ่ๆที่ใช้ตรวจสอบความผิดปกติของความคิดนี้จะดูที่การใช้เหตุผล การโต้ตอบในการสนทนา ความต่อเนื่องของกระแสความคิดว่ามีความเป็นเหตุเป็นผล มีความต่อเนื่องหรือไม่ ตัวอย่างเช่น เมื่อถามผู้ป่วยว่าทำไมพระอาทิตย์จึงขึ้นทางทิศตะวันออก ผู้ป่วยตอบว่าเป็นเพราะมีคนไปปิดทางขึ้นทางทิศตะวันตกไว้ พระอาทิตย์เลยต้องเปลี่ยนมาขึ้นทางทิศตะวันออก เป็นต้น และที่สำคัญมากอีกอย่างของผู้ป่วยโรคจิตก็คือ การไม่ยอมรับว่าตัว เองป่วย หรือ ไม่ยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองนั้น “ไม่เป็นความจริง” เขาจะเชื่ออยู่ตลอดเวลาว่า เรื่องราวทั้งหมดมันเป็นเรื่องจริง และความเชื่อตรงนี้แหละ ที่ทำให้ผู้ป่วยมีพฤติกรรมแปลกๆไป เมื่อใดก็ตามที่ผู้ป่วยเริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาไม่ใช่เรื่องจริง นั่นแสดงว่าอาการผู้ป่วยกำลังเริ่มดีขึ้น
Posted on: Thu, 11 Jul 2013 02:18:32 +0000

Trending Topics



Recently Viewed Topics




© 2015